เกาหลีใต้สร้างประวัติศาสตร์ ค้นพบวัคซีนต้นแบบ ป้องกันและรักษาได้ในเข็มเดียว! ​

วงการแพทย์โลกจับตาความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เมื่อทีมนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยแห่งชาติเกียงซัง ประเทศเกาหลีใต้ นำโดย ศาสตราจารย์คิม มยองอ๊ก ประสบความสำเร็จในการพัฒนา “วัคซีนต้นแบบสำหรับโรคอัลไซเมอร์” ที่มีศักยภาพทั้งในการ ป้องกันและรักษา ได้ในคราวเดียว นับเป็นครั้งแรกของโลก หัวใจสำคัญของวัคซีนอยู่ที่การเลือกใช้เฉพาะส่วนของโปรตีน อะไมลอยด์ เบตา (Aβ) ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคอัลไซเมอร์ โดยคัดเฉพาะบริเวณที่ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง ผสมกับโปรตีนพิเศษอีกสองชนิดคือ OVA และ KLH เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ผลการทดลองในสัตว์แสดงให้เห็นว่า วัคซีนมีความปลอดภัย สามารถลดการอักเสบในสมอง ฟื้นฟูการทำงานของสมอง ความจำ และการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง

ขณะนี้ทีมวิจัยกำลังเดินหน้าผลักดันการจัดตั้ง “ศูนย์วิจัยโรคอัลไซเมอร์ระดับโลก” พร้อมวางแผนความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมาสทริชต์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อเร่งพัฒนาวัคซีนต้นแบบนี้สู่การทดลองและใช้งานในมนุษย์ในอนาคตอันใกล้ การค้นพบครั้งนี้จึงเป็นความหวังใหม่ของสังคมผู้สูงวัยทั่วโลก ซึ่งจำนวนผู้ป่วยอัลไซเมอร์กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุขั้นสุดยอดอย่างประเทศไทย

ทำความรู้จัก “อัลไซเมอร์” โรคเงียบที่ค่อย ๆ กลืนความทรงจำ

อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease) คือโรคสมองเสื่อมชนิดที่พบมากที่สุด มีลักษณะเด่นคือ การสูญเสียความจำ ความคิด และความสามารถในการใช้เหตุผล อาการจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นจนกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างสิ้นเชิ ผู้ป่วยอาจเริ่มจากการหลงลืมเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ลืมวัน ลืมชื่อคนใกล้ชิด หรือลืมเส้นทางที่คุ้นเคย ก่อนจะพัฒนาไปสู่ภาวะสับสน สูญเสียความสามารถในการตัดสินใจ วางแผน และดูแลตนเองในระยะท้าย

คนวัยไหนเสี่ยง “อัลไซเมอร์”? เพราะอะไรจึงเกิดขึ้น?

แม้จะพบมากในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป แต่อัลไซเมอร์ สามารถเริ่มแสดงอาการได้ตั้งแต่ช่วงอายุ 40–50 ปี โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงดังต่อไปนี้:

  • อายุที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามวัย
  • พันธุกรรม หากมีประวัติครอบครัวเคยป่วย จะมีแนวโน้มมากขึ้น
  • โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ขาดการออกกำลังกาย
  • ภาวะเครียดเรื้อรัง และการนอนหลับไม่เพียงพอ
ในประเทศไทย ปี 2565 มีผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมราว 770,000 คน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.1 ล้านคนในปี 2573 และแตะถึง 2–2.4 ล้านคนในปี 2593 หากไม่มีมาตรการรับมืออย่างจริงจัง

รู้ก่อน ป้องกันได้! 6 วิธีดูแลสมองให้ห่างไกลอัลไซเมอร์

แม้วัคซีนจะเป็นความหวังในอนาคต แต่ในวันนี้ การป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ยังคงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด:

1. ออกกำลังกายเป็นประจำ
เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือเต้นแอโรบิก ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น
2. เลือกกินอาหารที่ดีต่อสมอง
เช่น ผักใบเขียว ถั่ว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ปลาทะเล และน้ำมันมะกอก ซึ่งอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและโอเมก้า 3 ช่วยในการบำรุงสมองและกำจัดไขมันและคอเลสเตอรอลออกจากตับ
3. นอนหลับให้เพียงพอ
อย่างน้อย 7–8 ชั่วโมงต่อคืน เพราะช่วงหลับลึกสมองจะมีกระบวนการกำจัดเศษชิ้นส่วนเทาและอะไมลอยด์ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์
4. ฝึกสมองสม่ำเสมอ
ด้วยกิจกรรมง่าย ๆ อย่างการอ่านหนังสือ เล่นเกมฝึกสมอง หัดภาษาใหม่ หรือเล่นดนตรี ช่วยกระตุ้นการสร้างเครือข่ายของเซลล์ประสาทใหม่ ๆ ให้สมองยังคงเฉียบคม
5. ลดความเครียด
ความเครียดเรื้อรังส่งผลเสียต่อสุขภาพสมองและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ การฝึกสมาธิ ทำงานศิลปะ หรือใช้เวลากับครอบครัว สิ่งเหล่านี้ช่วยลดฮอร์โมนความเครียดที่ทำลายสมอง
6. ตรวจสุขภาพสมองประจำปี
โดยเฉพาะหากมีคนในครอบครัวเคยป่วย การตรวจเร็ว ช่วยให้รับมือโรคได้ทันท่วงที

บทสรุป: วัคซีนอาจใกล้มา แต่สุขภาพสมองต้องเริ่มดูแลวันนี้

แม้โลกจะกำลังขยับเข้าใกล้วัคซีนอัลไซเมอร์มากขึ้นทุกที แต่การป้องกันด้วยตนเองยังเป็นทางเลือกที่ ง่ายกว่า ถูกกว่า และปลอดภัยกว่า การรู้จักโรค เข้าใจความเสี่ยง และปรับพฤติกรรมตั้งแต่วันนี้ คือ “วัคซีนทางใจ” ที่ทุกคนสามารถสร้างได้ด้วยตัวเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก
n.news.naver.com
https://thethailanders.com

Back to top